ร้านหรีด ณ วัด มอบพวงหรีดคุณภาพเยี่ยม ได้รับคำชมจากลูกค้ามากมาย สั่งพวงหรีดได้ง่ายๆ ผ่าน LINE เท่านั้น
วัดสำราญรมย์ ตั้งอยู่บ้านสำโรง ตำบลนาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยหลักฐานท้องถิ่นชี้ชัดว่าวัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านสำโรงและละแวกใกล้เคียงมายาวนานหลายร้อยปี แม้จะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน แต่ด้วยความศรัทธาและการบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องจากผู้คนในชุมชนและผู้มีจิตศรัทธา ทำให้วัดสำราญรมย์ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและความงดงามไว้ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันวัดยังคงดำรงอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าอาวาสผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาและพัฒนาศาสนสถานให้คงอยู่สืบไป
ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน วัดสำราญรมย์ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่อง ปรากฏหลักฐานการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ตัวอย่างเช่น การได้รับเงินอุดหนุนสมทบการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดสำราญรมย์ จำนวน 100,000 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวัดแห่งนี้ต่อชุมชนและสังคม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น การทำบุญกฐิน ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญที่ชาวบ้านให้ความสำคัญและร่วมกันทำบุญอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการจัดงานกฐินน้ำท่วมในปีต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่
ภายในวิหารของวัดสำราญรมย์ ประดิษฐานพระประธานอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้าน และยังมีพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ทั้งในพื้นที่ตำบลนางและพื้นที่ใกล้เคียง วัดจึงเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรม ที่ช่วยส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้กับชุมชน และเป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น พิธีสงฆ์ พิธีกรรมทางศาสนาสำคัญต่างๆ และกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2562 วัดสำราญรมย์ได้ให้การต้อนรับพระเดชพระคุณพระราชพรหมจริยคุณ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยคณะผู้ตรวจการคณะสงฆ์จังหวัดร้อยเอ็ด ในการตรวจเยี่ยมวัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของวัดสำราญรมย์ในฐานะศูนย์กลางทางศาสนาของอำเภอเสลภูมิ และแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างวัด ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ ในการร่วมกันอนุรักษ์และพัฒนาวัดให้คงอยู่สืบไป
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น วัดสำราญรมย์จึงไม่เพียงแต่เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรม และเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวิถีชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานต่อไป
วัดสำราญรมย์ ตั้งอยู่บ้านสำโรง ตำบลนาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยหลักฐานท้องถิ่นชี้ชัดว่าวัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านสำโรงและละแวกใกล้เคียงมายาวนานหลายร้อยปี แม้จะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน แต่ด้วยความศรัทธาและการบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องจากผู้คนในชุมชนและผู้มีจิตศรัทธา ทำให้วัดสำราญรมย์ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและความงดงามไว้ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันวัดยังคงดำรงอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าอาวาสผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาและพัฒนาศาสนสถานให้คงอยู่สืบไป
ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน วัดสำราญรมย์ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่อง ปรากฏหลักฐานการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ตัวอย่างเช่น การได้รับเงินอุดหนุนสมทบการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดสำราญรมย์ จำนวน 100,000 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวัดแห่งนี้ต่อชุมชนและสังคม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น การทำบุญกฐิน ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญที่ชาวบ้านให้ความสำคัญและร่วมกันทำบุญอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการจัดงานกฐินน้ำท่วมในปีต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่
ภายในวิหารของวัดสำราญรมย์ ประดิษฐานพระประธานอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้าน และยังมีพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ทั้งในพื้นที่ตำบลนางและพื้นที่ใกล้เคียง วัดจึงเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรม ที่ช่วยส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้กับชุมชน และเป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น พิธีสงฆ์ พิธีกรรมทางศาสนาสำคัญต่างๆ และกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2562 วัดสำราญรมย์ได้ให้การต้อนรับพระเดชพระคุณพระราชพรหมจริยคุณ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยคณะผู้ตรวจการคณะสงฆ์จังหวัดร้อยเอ็ด ในการตรวจเยี่ยมวัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของวัดสำราญรมย์ในฐานะศูนย์กลางทางศาสนาของอำเภอเสลภูมิ และแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างวัด ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ ในการร่วมกันอนุรักษ์และพัฒนาวัดให้คงอยู่สืบไป
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น วัดสำราญรมย์จึงไม่เพียงแต่เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรม และเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวิถีชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานต่อไป