หรีด ณ วัด
ส่งได้ทั่วไทย ส่งฟรีทั่ว กทม. และปริมณทล
หรีด ณ วัด

สั่งพวงหรีด วัดป่าขี ร้อยเอ็ด ดูแลด้วยใจจริง

ร้านหรีด ณ วัด ผู้นำด้านพวงหรีดคุณภาพ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับคำชมจากลูกค้ามากมายถึงความประณีตและบริการสุดประทับใจ สั่งพวงหรีดได้ง่ายๆ ผ่าน LINE เท่านั้น

พวงหรีดใกล้วัด

ประวัติวัดป่าขี อำเภอ เสลภูมิ จังหวัด ร้อยเอ็ด

วัดป่าขี: มรดกทางพุทธศาสนาอันทรงคุณค่าแห่งเสลภูมิ ร้อยเอ็ด

วัดป่าขี ตั้งอยู่บ้านพันขาง ตำบลนางาม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 16 กิโลเมตร การเดินทางมายังวัดแห่งนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย แม้ข้อมูลบางส่วนจะระบุชื่อวัดเป็น "วัดป่าธรรมารมณ์" แต่จากหลักฐานท้องถิ่นและการอ้างอิงในเอกสารต่างๆ เช่น แผนพัฒนาชุมชน ประจำปี 2565 บ้านท่าใหม่ ชี้ให้เห็นถึงความเป็นมาและการดำรงอยู่ของวัดป่าขีอย่างต่อเนื่อง วัดป่าขี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ และมีบทบาทสำคัญต่อชุมชนมาอย่างยาวนาน

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชี้ให้เห็นว่า วัดป่าขี มีการก่อตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา นับเป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วัดป่าขี ได้รับการบูรณะและดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและผู้มีจิตศรัทธา ทำให้วัดยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมอันงดงามไว้ได้ สะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งนี้

วัดป่าขี ดำรงอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าอาวาสผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาและพัฒนาศาสนสถานให้มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดจนการส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในชุมชน เจ้าอาวาสและคณะสงฆ์ได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการดูแลรักษา และส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางทางจิตใจ และแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาสำหรับประชาชนในพื้นที่

ภายในวิหารของวัดป่าขี ประดิษฐานพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ และพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะและเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ผู้คนเดินทางมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และขอพรให้เกิดความสุขความเจริญ บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมและแสวงหาความสงบทางจิตใจ

วัดป่าขี จึงนับเป็นวัดที่มีความสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นมรดกทางพุทธศาสนาอันทรงคุณค่าของอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด และสมควรได้รับการอนุรักษ์และส่งเสริมให้คงอยู่สืบไป เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และศูนย์รวมจิตใจของชุมชนต่อไปในอนาคต

Product 1
Product 2
Product 3
Product 4
Product 5
Product 6
Product 7
Product 8
Product 9
Product 10
Product 11
Product 12
Product 13
Product 14
Product 15
Product 16

ประวัติวัดป่าขี อำเภอ เสลภูมิ จังหวัด ร้อยเอ็ด

วัดป่าขี: มรดกทางพุทธศาสนาอันทรงคุณค่าแห่งเสลภูมิ ร้อยเอ็ด

วัดป่าขี ตั้งอยู่บ้านพันขาง ตำบลนางาม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 16 กิโลเมตร การเดินทางมายังวัดแห่งนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย แม้ข้อมูลบางส่วนจะระบุชื่อวัดเป็น "วัดป่าธรรมารมณ์" แต่จากหลักฐานท้องถิ่นและการอ้างอิงในเอกสารต่างๆ เช่น แผนพัฒนาชุมชน ประจำปี 2565 บ้านท่าใหม่ ชี้ให้เห็นถึงความเป็นมาและการดำรงอยู่ของวัดป่าขีอย่างต่อเนื่อง วัดป่าขี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ และมีบทบาทสำคัญต่อชุมชนมาอย่างยาวนาน

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชี้ให้เห็นว่า วัดป่าขี มีการก่อตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา นับเป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วัดป่าขี ได้รับการบูรณะและดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและผู้มีจิตศรัทธา ทำให้วัดยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมอันงดงามไว้ได้ สะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งนี้

วัดป่าขี ดำรงอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าอาวาสผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาและพัฒนาศาสนสถานให้มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดจนการส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในชุมชน เจ้าอาวาสและคณะสงฆ์ได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการดูแลรักษา และส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางทางจิตใจ และแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาสำหรับประชาชนในพื้นที่

ภายในวิหารของวัดป่าขี ประดิษฐานพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ และพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะและเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ผู้คนเดินทางมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และขอพรให้เกิดความสุขความเจริญ บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมและแสวงหาความสงบทางจิตใจ

วัดป่าขี จึงนับเป็นวัดที่มีความสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นมรดกทางพุทธศาสนาอันทรงคุณค่าของอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด และสมควรได้รับการอนุรักษ์และส่งเสริมให้คงอยู่สืบไป เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และศูนย์รวมจิตใจของชุมชนต่อไปในอนาคต