หรีด ณ วัด
ส่งได้ทั่วไทย ส่งฟรีทั่ว กทม. และปริมณทล
หรีด ณ วัด

บริการพวงหรีด วัดอุดม ร้อยเอ็ด พร้อมส่งถึงที่

ร้านหรีด ณ วัด บริการพวงหรีดคุณภาพเยี่ยม ได้รับคำชมจากลูกค้ามากมาย สั่งผ่าน LINE สะดวก รวดเร็ว บริการถึงใจ

พวงหรีดใกล้วัด

ประวัติวัดอุดม อำเภอ ธวัชบุรี จังหวัด ร้อยเอ็ด

วัดอุดมนิเวศน์ (ควรตรวจสอบชื่อวัดอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่ให้มาใช้ชื่อ วัดอุดม และ วัดอุดมพัฒนาราม ซึ่งอาจเป็นวัดเดียวกันหรือวัดต่างกัน) ตั้งอยู่เลขที่ ๖๐ บ้านหัวโนน หมู่ที่ ๑-๒-๙ ตำบลธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาของชุมชน วัดแห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๓ ไร่ ๕๕ ตารางวา ตามหนังสือแสดงการถือครองที่ดินเลขที่ ๒๓๕๘ แม้รายละเอียดอาณาเขตทิศต่างๆ จะยังไม่ปรากฏในข้อมูลที่ได้รับ แต่จากหลักฐานท้องถิ่นชี้ให้เห็นว่า วัดอุดมนิเวศน์ (หรือชื่อที่ถูกต้อง) มีประวัติความเป็นมายาวนาน เริ่มก่อตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา โดยผ่านการบูรณะซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อวัดแห่งนี้มาอย่างยาวนาน

ภายในวิหารของวัดอุดมนิเวศน์ ประดิษฐานพระประธานอันเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน นอกจากนี้ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย ซึ่งนับเป็นศูนย์รวมจิตใจและความศรัทธาของประชาชนในพื้นที่ ทำให้วัดแห่งนี้ไม่เพียงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางจิตใจและวัฒนธรรมของชุมชน การดำรงอยู่ของวัดอุดมนิเวศน์ จึงมิใช่เพียงแค่สถานที่ทางศาสนา หากแต่ยังเป็นเสมือนประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต บันทึกเรื่องราวความเชื่อ วิถีชีวิต และความผูกพันของชุมชนบ้านหัวโนน ตำบลธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด มาเป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี

จากข้อมูลเพิ่มเติมที่ระบุถึง "วัดอุดมพัฒนาราม" ตำบลหนองไผ่ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด และการกล่าวถึง "พระครูสีลสาราภรณ์ (สมสิทธิ์ รกฺขิตสี)" ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอุดม จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่าง "วัดอุดม" "วัดอุดมนิเวศน์" และ "วัดอุดมพัฒนาราม" เพื่อความถูกต้องและชัดเจนของข้อมูล อาจเป็นไปได้ว่า ชื่อวัดที่ใช้ในเอกสารต่างๆ อาจมีความแตกต่างกันบ้างตามยุคสมัยหรือการเรียกขานของคนในท้องถิ่น การศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่น เอกสารทางราชการ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หรือการสอบถามจากผู้รู้ในชุมชน จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ในการนำเสนอประวัติของวัดอย่างครบถ้วนยิ่งขึ้น

Product 1
Product 2
Product 3
Product 4
Product 5
Product 6
Product 7
Product 8
Product 9
Product 10
Product 11
Product 12
Product 13
Product 14
Product 15
Product 16

ประวัติวัดอุดม อำเภอ ธวัชบุรี จังหวัด ร้อยเอ็ด

วัดอุดมนิเวศน์ (ควรตรวจสอบชื่อวัดอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่ให้มาใช้ชื่อ วัดอุดม และ วัดอุดมพัฒนาราม ซึ่งอาจเป็นวัดเดียวกันหรือวัดต่างกัน) ตั้งอยู่เลขที่ ๖๐ บ้านหัวโนน หมู่ที่ ๑-๒-๙ ตำบลธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาของชุมชน วัดแห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๓ ไร่ ๕๕ ตารางวา ตามหนังสือแสดงการถือครองที่ดินเลขที่ ๒๓๕๘ แม้รายละเอียดอาณาเขตทิศต่างๆ จะยังไม่ปรากฏในข้อมูลที่ได้รับ แต่จากหลักฐานท้องถิ่นชี้ให้เห็นว่า วัดอุดมนิเวศน์ (หรือชื่อที่ถูกต้อง) มีประวัติความเป็นมายาวนาน เริ่มก่อตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา โดยผ่านการบูรณะซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อวัดแห่งนี้มาอย่างยาวนาน

ภายในวิหารของวัดอุดมนิเวศน์ ประดิษฐานพระประธานอันเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน นอกจากนี้ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย ซึ่งนับเป็นศูนย์รวมจิตใจและความศรัทธาของประชาชนในพื้นที่ ทำให้วัดแห่งนี้ไม่เพียงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางจิตใจและวัฒนธรรมของชุมชน การดำรงอยู่ของวัดอุดมนิเวศน์ จึงมิใช่เพียงแค่สถานที่ทางศาสนา หากแต่ยังเป็นเสมือนประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต บันทึกเรื่องราวความเชื่อ วิถีชีวิต และความผูกพันของชุมชนบ้านหัวโนน ตำบลธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด มาเป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี

จากข้อมูลเพิ่มเติมที่ระบุถึง "วัดอุดมพัฒนาราม" ตำบลหนองไผ่ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด และการกล่าวถึง "พระครูสีลสาราภรณ์ (สมสิทธิ์ รกฺขิตสี)" ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอุดม จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่าง "วัดอุดม" "วัดอุดมนิเวศน์" และ "วัดอุดมพัฒนาราม" เพื่อความถูกต้องและชัดเจนของข้อมูล อาจเป็นไปได้ว่า ชื่อวัดที่ใช้ในเอกสารต่างๆ อาจมีความแตกต่างกันบ้างตามยุคสมัยหรือการเรียกขานของคนในท้องถิ่น การศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่น เอกสารทางราชการ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หรือการสอบถามจากผู้รู้ในชุมชน จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ในการนำเสนอประวัติของวัดอย่างครบถ้วนยิ่งขึ้น